วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

ขนมเงินล้าน เบอร์หนึ่งเมืองแปดริ้ว

ขนมเปี๊ยะบางคล้า ขนมเงินล้าน เบอร์หนึ่งเมืองแปดริ้ว

ขนมเปี๊ยะบางคล้า ขนมเงินล้าน เบอร์หนึ่งเมืองแปดริ้ว

ระยะเวลามากกว่า 70 ปี ผ่านการสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่น ถึงวันนี้ ขนมเปี้ยะ “ตั้งเซ่งจั้ว” จากร้านเล็กๆ ในชุมชนบางคล้า ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ของฝากอันดับต้นๆ ประจำเมืองแปดริ้ว พร้อมกับมีส่วนสำคัญ ผลักดันชื่อขนมเปี๊ยะบางคล้าเป็นที่รู้จักระดับประเทศ

องค์ ประกอบแห่งความสำเร็จที่ได้มา ลำพังแค่รสชาติความอร่อยอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเติมเต็มธุรกิจหลายๆ ด้าน ทั้งพัฒนามาตรฐานการผลิต บรรจุภัณฑ์ แผนการตลาด และเปลี่ยนตำแหน่งสินค้า จากขนมใช้ในเทศกาลสู่ของฝากประจำถิ่น ทั้งหมดประกอบกันช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในฐานะเบอร์หนึ่งแห่งขนมเปี้ ยะบางคล้า

ปิยะพร ตันคงคารัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฮก แอนด์ ซันส์ จำกัด ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ผู้ดูแลธุรกิจร้านขนมเปี๊ยะ “ตั้งเซ่งจั้ว” เล่าให้ฟังว่า ผู้บุกเบิกธุรกิจ คือ อากง (ฮก แซ่ตั้ง) ของเขา ซึ่งอพยพหนีความแล้งแค้นมาจากเมืองเหยี่ยวเพ้ง ใกล้กับเมืองซัวเถา ประเทศจีน โดยพกพาฝีมือทำขนมเปี๊ยะมาเปิดร้านอยู่ที่ตลาดบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2475 หรือ 76 ปีที่แล้ว

เส้นทางอาชีพหลังจากนั้น ฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการ จากรุ่นอากง สู่ทายาทรุ่นที่ 2 ค่อยๆ สะสมความสำเร็จ ต่อยอดให้ธุรกิจเข้าขั้นมั่นคง ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างสูง สร้างชื่อให้ขนมเปี๊ยะจากบางคล้า เป็นที่รู้จักในวงกว้าง (อ่านเรื่องประกอบ”เปิดตำนานขนมเปี๊ยะ “ตั้งเซ่งจั้ว” สูตรซัวเถาสู่เจ้าดังบางคล้า”)

อย่างไรก็ตาม ในแง่สร้างแบรนด์ร้านเป็นที่จดจำแล้วยังนับว่าห่างไกลความสำเร็จ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักกันแค่ในนามขนมเปี๊ยะบางคล้า ไม่ใช่ในชื่อ “ตั้งเซ่งจั้ว” และยิ่งนานวัน คู่แข่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทุกร้านล้วนแต่ใช้ชื่อว่า ขนมเปี๊ยะบางคล้าทั้งหมด ในที่สุดเกิดปัญหาขายตัดราคากันเอง

ทายาทรุ่น 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมา ร้าน “ตั้งเซ่งจั้ว” พยายามจะเป็นผู้นำตลาดเสมอมา แต่ไม่ว่าจะบุกเบิกแนวทางใหม่ใดๆ ก็ตาม หนีไม่พ้นมีผู้ผลิตรายอื่นมาแข่งขันด้วยรูปแบบใกล้เคียงกัน

ปมดังกล่าวนำมาสู่การพลิกโฉมธุรกิจครั้ง สำคัญที่สุด ในช่วงปลายยุครุ่น 2 ต่อสู่ทายาทรุ่น 3 โดยเปลี่ยนจุดยืนสินค้าจากขนมที่มักใช้เฉพาะเทศกาลของชาวจีน อย่างตรุษจีน และปีใหม่ มาเป็นขนมของฝากที่ขายได้ตลอดทั้งปี

“จากที่พวกเราคุยกันในครอบครัว ได้ข้อสรุปว่า ต้องเปิดเป็นร้านของฝากอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งเป็นร้านที่ลูกค้าเข้ามาแล้วประทับใจ ไม่ใช่ซื้อของแล้วกลับ แต่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของแปดริ้ว สำหรับแวะพักผ่อน คลายเมื่อยล้าจากการเดินทาง หรือแวะมาถ่ายรูป สร้างความทรงจำให้ลูกค้า แม้ว่าลูกค้าอาจจะจำชื่อร้านไม่ได้ แต่ก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี่”

เริ่มแรกวางงบก่อสร้างไว้เพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น แต่เมื่อลงมือจริง เพื่อให้ได้ร้านสมบูรณ์แบบตามจินตนาการไว้ เบ็ดเสร็จลงทุนกว่า 24 ล้านบาท แบ่ง เป็นค่าสิ่งปลูกสร้าง 18 ล้านบาท กับค่าที่ดินอีก 6 ล้านบาท ใช้ระยะก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2539-2545 พื้นที่รวม 4 ไร่ ตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่เส้นทางสู่อำเภอพนมสารคาม ให้ชื่อว่า สาขาเก๋งจีน


ขนมเปี๊ยะบางคล้า ขนมเงินล้าน เบอร์หนึ่งเมืองแปดริ้ว
“ตอนแรกไม่คิดว่าจะทำใหญ่อย่างนี้ แต่หลังจากพูดคุยในครอบครัว ถ้าทำเล็ก เราก็หนีคู่แข่งไม่พ้นอีก แบรนด์ก็ไม่แข็งแรงด้วย ดังนั้น ตัดสินใจเลือกจะทำให้ครบและใหญ่ เพื่อให้สาขานี้ เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ให้ลูกค้ารู้ว่า เราเป็นตัวจริงของคนทำขนมเปี๊ยะบางคล้า อีกทั้ง อาคารแห่งนี้ยังเป็นตัวแทนเก็บความทรงจำ และความภูมิใจของสมาชิกครอบครัว ให้ตระหนักรากเหง้าของเราว่า เป็นครอบครัวทำขนมเปี๊ยะ”

จาก แนวคิดดังกล่าว ในพื้นที่กว่า 4 ไร่ของร้าน “ตั้งเซ่งจั้ว” สาขาเก๋งจีน เปรียบเหมือนอาณาจักรแห่งขนมเปี๊ยะบางคล้า นอกจากสินค้าที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังประกอบไปด้วยมุมนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของร้าน อีกทั้ง บริเวณนั่งผ่อนคลายอารมณ์ และห้องขายสินค้าที่ระลึก เป็นต้น

อีกจุดที่โดดเด่นอย่างยิ่ง คือ เคาน์เตอร์ขายสินค้าจำลองเป็นร้านต้นตำรับในชุมชนบางคล้า ขณะ ที่ตัวอาคารก่อสร้างเป็นเก๋งจีนสไตล์ประยุกต์ ทั้งสง่า และสวยงาม ถึงขั้นคว้ารางวัล ผลงานสถาปัตยกรรมดีเด่นแห่งประเทศไทย ประเภทอาคารรวมกิจกรรมพาณิชยกรรม จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปี 2547 มาแล้ว

นอกจากนั้น เสริมความน่าสนใจผ่านบรรจุภัณฑ์สวยงาม อีกทั้ง ทำสินค้าที่ระลึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด ตุ๊กตา พวงกุญแจ ชุดน้ำชา ฯลฯ แม้กระทั่ง หนังสือการ์ตูนเล่าเรื่องราวของร้าน วาดโดยหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ซึ่งสินค้าที่ระลึกเหล่านี้ ด้านยอดขาย ล้วนขาดทุนทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ได้ทดแทน คือ ตอกย้ำแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ทายาท รุ่น 3 เผยว่า การลงทุนสาขา “เก๋งจีน” ถือเป็นความสำเร็จอย่างสูง ส่งให้ยอดขายเพิ่มจากเดิม 2-3 เท่าตัว รวมถึง เปิดตลาดสู่ลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวสำเร็จ ทั้งกลุ่มทัวร์ และผู้เดินทางมาไหว้หลวงพ่อโสธรช่วงสุดสัปดาห์จะแวะมาซื้อขนมเปี๊ยะกลับไป เป็นของฝาก และสำคัญที่สุด ช่วยสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ยกระดับจากแบรนด์ระดับอำเภอสู่ระดับประเทศ

ปัจจุบัน ร้าน “ตั้งเซ่งจั้ว” มีสาขารวม 6 แห่ง กระจายอยู่ในตัวเมืองแปดริ้ว ส่วนผลิตภัณฑ์มีกว่า 30 ชนิด เน้นขนมจีนโบราณผ่านการประยุกต์รูปแบบให้ทันสมัย ภายใต้บรรจุภัณฑ์มาตรฐานสากล ราคาเฉลี่ย ตั้งแต่กล่องละ 50-200 กว่าบาท กลุ่มลูกค้า แบ่งเป็นนักท่องเที่ยว 60% และ 40% เป็นคนท้องถิ่น นอกจากนั้น มีช่องทางตลาดส่งเข้าร้านโกลเด้นเพลสทุกสาขาอีกด้วย

ในฐานะผู้ดูแลธุรกิจ ณ ปัจจุบัน ปิยะพร ระบุภารกิจสำคัญ อันดับแรกมุ่งรักษาคุณภาพรสชาติให้เหมือนต้นตำรับ เตือนตัวเองเสมอว่า แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะเลิศหรูเพียงใด แต่สุดท้ายแล้ว ความอร่อยที่ลูกค้าสัมผัสได้ จะเป็นเครื่องตัดสินความสำเร็จที่ยั่งยืนของธุรกิจ

นอกจากนั้น เป้าหมายระยะสั้น อยากพัฒนาการผลิต ให้โรงงานก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ทั้ง GMP และ HACCP ส่วนเป้าหมายระยะยาว จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น ทั้งในหรือต่างประเทศ

“ผมจะคิดเสมอว่า ยิ่งธุรกิจเป็นที่รู้จักมากเท่าใด ความคาดหวังของผู้บริโภคจะยิ่งเพิ่มตามไปด้วย ดังนั้น จะต้องรักษาคุณภาพ และสายสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าที่เคยกินขนมของเรามาตั้งแต่รุ่นอากง มาถึงรุ่นพ่อและอาๆ ให้ยั่งยืนต่อไป และส่งต่อสายสัมพันธ์เหล่านี้ไปสู่รุ่นลูกๆ ของผมต่อไป”



แบ่งปันข่าวสาร โดย ผู้จัดการ SMEs



หากท่านเห็นว่าบทความนี้มีประโยยช์ ช่วยกันสนับสนุนสื่อคุณภาพด้วยนะครับ